ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมเพื่อผิวใสเรียบเนียนได้พัฒนาไปอย่างมาก ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายในการดูแลและปรับปรุงสภาพผิว สองเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบันคือ Fractional RF Microneedle และ Microneedle RF ซึ่งทั้งสองวิธีนี้มีจุดเด่นและความแตกต่างที่น่าสนใจ บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเชิงลึกของทั้งสองเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้
สารบัญ
Fractional RF Microneedle
หลักการทำงาน
- ใช้เข็มขนาดเล็กจำนวนมาก แทงลงไปในผิวหนังชั้นลึก
- ความลึกของเข็มสามารถปรับได้ตั้งแต่ 0.5 ถึง 3.5 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับความหนาของผิวและบริเวณที่ทำการรักษา
- ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่านปลายเข็ม โดยทั่วไปจะใช้ความถี่ระหว่าง 1 ถึง 2 เมกะเฮิรตซ์
- สร้างความร้อนในชั้นผิวหนังเฉพาะจุด (Fractional) ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในบริเวณที่ต้องการโดยเฉพาะ
ข้อดี
1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น
2. ลดรอยแผลเป็น รอยสิว และริ้วรอยได้ดี โดยเฉพาะรอยแผลเป็นที่ลึกหรือยากต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
3. ผลลัพธ์ที่ได้มีความเฉพาะเจาะจงและแม่นยำสูง สามารถเจาะจงรักษาเฉพาะจุดที่มีปัญหาได้
4. ลดการทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าการทำ RF แบบดั้งเดิม
5. สามารถปรับความลึกและความเข้มของพลังงานได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณบนใบหน้า
ข้อควรระวัง
- อาจมีอาการบวมแดงหลังทำหัตถการ ซึ่งอาจคงอยู่นาน 1-3 วัน
- ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูผิวประมาณ 3-5 วัน ในระหว่างนี้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- อาจรู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนระหว่างทำหัตถการ แม้จะมีการทายาชาเฉพาะที่
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณที่จะทำการรักษา หรือผู้ที่มีประวัติเป็นโรคผิวหนังบางชนิด
กระบวนการรักษา
1. ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาเฉพาะที่
2. ใช้อุปกรณ์ Fractional RF Microneedle ทำการรักษาทีละส่วนบนใบหน้า
3. ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาทีต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ทำการรักษา
4. หลังทำหัตถการ แพทย์จะทาเซรั่มหรือครีมบำรุงพิเศษเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว
Microneedle RF
หลักการทำงาน
- ใช้เข็มขนาดเล็กแทงลงไปในผิวหนัง โดยทั่วไปจะมีจำนวนเข็มน้อยกว่า Fractional RF Microneedle
- ปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ผ่านเข็มเข้าสู่ผิวหนัง โดยใช้ความถี่ที่สูงกว่า มักอยู่ในช่วง 2 ถึง 4 เมกะเฮิรตซ์
- สร้างความร้อนในชั้นผิวหนังอย่างทั่วถึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณกว้าง
ข้อดี
1. กระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
2. ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ โดยเฉพาะริ้วรอยตื้นและปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
3. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น
4. ให้ผลลัพธ์ที่ทั่วถึงทั้งใบหน้า เหมาะสำหรับการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม
5. มีผลข้างเคียงน้อยกว่าการทำ RF แบบไม่ใช้เข็ม เนื่องจากพลังงานถูกส่งผ่านเข็มโดยตรง
ข้อควรระวัง
- อาจรู้สึกเจ็บระหว่างทำหัตถการมากกว่า Fractional RF Microneedle เล็กน้อย
- ใช้เวลาฟื้นฟูผิวประมาณ 1-3 วัน ซึ่งน้อยกว่า Fractional RF Microneedle
- อาจเกิดรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำหัตถการ แต่มักหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
กระบวนการรักษา
1. ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาเฉพาะที่
2. ใช้อุปกรณ์ Microneedle RF ทำการรักษาทั่วทั้งใบหน้า
3. ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาทีต่อครั้ง
4. หลังทำหัตถการ อาจใช้มาส์กหน้าเย็นเพื่อลดอาการบวมแดง
เปรียบเทียบประสิทธิภาพ Fractional RF Microneedle vs Microneedle RF
1. ความลึกในการรักษา
- Fractional RF Microneedle : เจาะลึกและเฉพาะจุด สามารถรักษาปัญหาผิวที่อยู่ในชั้นลึกได้ดีกว่า
- Microneedle RF : รักษาได้ทั่วถึงแต่อาจไม่ลึกเท่า เหมาะสำหรับการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม
2. ความเจ็บปวด
- Fractional RF Microneedle : เจ็บน้อยกว่าเนื่องจากมีการแบ่งพื้นที่การรักษา และใช้เข็มที่เล็กกว่า
- Microneedle RF : อาจรู้สึกเจ็บมากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่าในแต่ละครั้ง
3. ระยะเวลาฟื้นฟู
- Fractional RF Microneedle : ใช้เวลานานกว่า (3-5 วัน) เนื่องจากสร้างการบาดเจ็บเฉพาะจุดที่ลึกกว่า
- Microneedle RF : ฟื้นฟูเร็วกว่า (1-3 วัน) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกลับสู่กิจวัตรประจำวันเร็ว
4. ผลลัพธ์
- Fractional RF Microneedle : เหมาะกับปัญหาผิวที่รุนแรง เช่น แผลเป็นลึก ริ้วรอยลึก หรือผิวที่หย่อนคล้อยมาก
- Microneedle RF : เหมาะกับการปรับสภาพผิวโดยรวม เช่น กระชับรูขุมขน เพิ่มความกระจ่างใส และลดริ้วรอยตื้น
5. ความถี่ในการทำ
- Fractional RF Microneedle : แนะนำให้ทำ 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์
- Microneedle RF : สามารถทำได้บ่อยกว่า โดยทั่วไปแนะนำ 4-6 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 2-4 สัปดาห์
6. ความคงทนของผลลัพธ์
- Fractional RF Microneedle : ผลลัพธ์มักคงอยู่ได้นานกว่า อาจถึง 1-2 ปีหลังจากการรักษาครบคอร์ส
- Microneedle RF : ผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ
ข้อควรพิจารณาในการเลือกวิธีการรักษา
1. สภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
- หากมีปัญหาผิวที่รุนแรง เช่น แผลเป็นลึกหรือริ้วรอยลึก Fractional RF Microneedle อาจเหมาะสมกว่า
- สำหรับการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม เช่น กระชับรูขุมขนหรือเพิ่มความกระจ่างใส Microneedle RF อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
2. ความทนต่อความเจ็บปวด
- ผู้ที่มีความอ่อนไหวต่อความเจ็บปวดสูงอาจเลือก Fractional RF Microneedle เนื่องจากมีความเจ็บปวดน้อยกว่า
- ผู้ที่สามารถทนต่อความไม่สบายได้ดีอาจพิจารณา Microneedle RF เพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า
3. เวลาในการฟื้นฟู
- หากมีเวลาจำกัดในการพักฟื้น Microneedle RF อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเนื่องจากใช้เวลาฟื้นฟูน้อยกว่า
- ผู้ที่สามารถจัดสรรเวลาพักฟื้นได้นานกว่าอาจเลือก Fractional RF Microneedle เพื่อผลลัพธ์ที่ลึกและจำเพาะมากขึ้น
4. ประวัติการแพ้หรือความไวต่อการระคายเคือง
- ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนเลือกวิธีการรักษา
- Fractional RF Microneedle อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่มีผิวไวเนื่องจากผลกระทบต่อผิวหนังมีความจำเพาะมากกว่า
การดูแลหลังการรักษา
การดูแลผิวหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทั้งสองวิธี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
Fractional RF Microneedle
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงบนใบหน้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
2. ใช้ครีมบำรุงที่แพทย์แนะนำเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว
3. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารที่อาจระคายเคืองผิวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
4. ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง (อย่างน้อย SPF 50) ทุกวันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
5. งดการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 3-5 วัน
Microneedle RF
1. ใช้น้ำเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมในวันแรกหลังการรักษา
2. ทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและสารที่ช่วยฟื้นฟูผิว
3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการรักษา
4. ใช้ครีมกันแดดทุกวันและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
5. งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ Retinol เป็นเวลา 3-5 วันหลังการรักษา
สรุป
ทั้ง Fractional RF Microneedle และ Microneedle RF เป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงในการปรับปรุงสภาพผิว แต่ละวิธีมีจุดเด่นและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับสภาพผิว ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และปัจจัยส่วนบุคคลอื่นๆ Fractional RF Microneedle เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวที่รุนแรงและต้องการผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง ในขณะที่ Microneedle RF เหมาะสำหรับการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวมและผู้ที่ต้องการระยะเวลาฟื้นฟูที่สั้นกว่า
นวัตกรรม RF ที่มาพร้อมทั้ง Fractional Mode และ Microneedle Mode สามารถเลือกใช้ได้ตามแต่ละบริบทเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด !
Reskin MFR
Fractional RF Microneedle
นวัตกรรมใหม่เพื่อการรักษาผิวพรรณ ที่ผสานพลังงานด้วยคลื่นวิทยุ (RF) และ Microneedle Therapy รวมไว้ด้วยกัน
ยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน และทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นในครั้งเดียว
REJUVA FRM
Fractional RF Microneedle
เครื่อง Rejuva FRM นวัตกรรม Fractional RF Microneedle เพื่อการรักษาผิวพรรณที่ผสานพลังงานด้วยคลื่นวิทยุ (RF) และ Microneedle Therapy รวมไว้ด้วยกัน มาพร้อมกับหัวทำความเย็นซึ่งสามารถช่วยลดอาการปวดบวมจากความร้อนได้
ลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน และทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นในครั้งเดียว
ทดลองเครื่อง ฟรี ! พิเศษ ผ่อนชำระ 0%
บริษัท Inno Aesthetics Laser ขอมอบสิทธิพิเศษให้สำหรับผู้ที่สนใจ Reskin MFR และ Rejuva FRM
เครื่อง Fractional RF Microneedle ที่ควรมีติดคลินิก ! สามารถติดต่อเพื่อขอรับการสาธิตประสิทธิภาพเครื่องฟรี ! มาพร้อมผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำปรึกษาตลอดอายุการใช้งาน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Innoaesthetics Laser
Line : @innoaesthetics
Email : innoaestheticslaser@gmail.com
Tel : 098-7456-232
Comments